“พระมงคลวิเสสกถา”
พระธรรมเทศนาในพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา วันเสาร์ที่ ๖ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๔๐
สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก รับพระราชทานถวาย
“… ขันติ เป็นประธาน เป็นเหตุแห่งคุณ คือ ศีลและสมาธิ กุศลธรรมทั้งปวงย่อมเจริญเพราะขันติเท่านั้น
ขันติเป็นธรรมเครื่องทำให้งามคู่กับ “โสรัจจะ” ซึ่งเป็นธรรมเครื่องทำให้งามเช่นกัน ขันติเป็นความอดทน โสรัจจะเป็นความเสงี่ยม ผู้มีขันติ ความอดทน และมีโสรัจจะ ความเสงี่ยม นั้นเป็นผู้งาม ธรรมสำคัญสองประการนี้เป็นที่ปรากฏเด่นชัดในสมเด็จบรมบพิตรพระราชสมภารเจ้าตลอดมา
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในพระชนม์ชีพมากมายเกินกว่าจะนำมารับพระราชทานกล่าวถึงได้หมดสิ้น แต่ย่อมเป็นที่ประทับจับใจทุกผู้ที่ได้รับรู้รับเห็นทั้งปวง บางเหตุการณ์ก็หนักหนาใหญ่หลวงยิ่งนัก ยากที่ผู้ใดจักรับได้อย่างมีความอดทน ด้วยขันติมั่นคง มิได้ปรากฏความหวั่นไหวให้เป็นที่รู้เห็น เช่นที่สมเด็จพระบรมบิพตรพระราชสมภารเจ้าทรงรับได้ตลอดมา
พระขันติธรรมที่เลิศล้ำนักหนาปรากฏแก่สายตาแก่จิตใจพสกนิกรไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินทั้งปวง ยิ่งวัน พระขันติธรรมยิ่งใหญ่หลวงพ้นพรรณนา
วิกฤตการณ์บ้านเมืองที่พากันวิตกกังวลไปทุกหนทุกแห่งจนปรากฏเป็นความชุลมุนวุ่นวาย หวาดกลัว ไม่กล้าเผชิญชีวิตต่อไป ก็มีอยู่ไม่น้อย เหตุเพราะขันติความอดทนไม่เพียงพอที่จะรับสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนว่าจะเป็นอยู่ช้านานเพียงใด
วิกฤตการณ์นี้ที่ประกาศรับรองพระขันติธรรม”
สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช (เจริญ สุวฑฺฒโน)
จากหนังสือ “ในหลวงทรงถาม พระอรหันต์ตอบ” หน้า ๑๙